ตราสารหนี้บางตัวให้ผลตอบแทนสูง บางรายจ่าย 6% ต่อปี บางรายจ่าย 8% ต่อปี ทำให้หลายคนตัดสินใจลงทุนตราสารหนี้ที่ให้ดอกเบี้ยสูงๆ ทันที เพราะมองว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย และน่าลงทุนสุดๆ แต่รู้หรือเปล่าว่า... การลงทุนในตราสารหนี้มีโอกาสที่เราจะไม่ได้เงินต้นคืนด้วยนะ แถมยังมีความเสี่ยงอื่นๆ ที่เรามองไม่เห็นซ่อนอยู่ด้วย
หลายครั้งที่เราจะได้ยินว่าการลงทุนในตราสารหนี้เป็นการลงทุนที่ปลอดภัย โอกาสได้เงินต้นคืน 100% จึงทำให้หลายคนเชื่อและมั่นใจใส่เงินลงทุนกันเต็มที่ แต่ความจริงแล้วการลงทุนตราสารหนี้ ก็มีโอกาสที่จะไม่ได้เงินคืน หรือ ได้เงินคืนช้ากว่ากำหนดได้
การผิดนัดชำระหนี้เป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาหลายครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มของตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยง สูง หรือ ตราสารหนี้ที่ไม่ได้จัดอันดับเครดิตเรตติ้ง ทำให้เกิดดความเสียหายกับผู้ถือตราสารหนี้ เพราะเพราะนอกจากจะไม่ได้รับดอกเบี้ยตามที่กำหนดแล้ว ยังไม่ได้รับเงินต้นคืนอีกด้วย โดยหนึ่งใน ทางออกที่นักลงทุนจะสามารถใช้เพื่อลดความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ คือ การลงทุนในหุ้นกู้หรือ หรือตราสารหนี้ที่มีระดับเครดิตเรตติ้งสูง หรือเหมาะกับความเสี่ยง รวมถึงลงทุนในกิจการที่มี ความน่าเชื่อถือ จะช่วยลดโอกาสความเสียหายจากการผิดนัดชำระหนี้ได้ในระดับหนึ่ง
หลายครั้งเราจะเห็นโฆษณาตามสื่อต่างๆ ที่ประกาศว่า... ตราสารหนี้บริษัทนั้นจ่ายดอกเบี้ย 6% ต่อปี บริษัทนี้จ่าย 8% ต่อปี หลายคนก็ตาลุกวาวอยากเข้าไปซื้อ เพราะดอกเบี้ยของตราสารหนี้ที่บริษัทเหล่านี้ให้นั้น สูงกว่าการฝากธนาคารหลายเท่า
แต่ช้าก่อน... เห็นดอกเบี้ยสูงๆ แบบนี้ บางทีก็มีความเสี่ยงที่เราอาจไม่ได้ดอกเบี้ย หรืออาจไม่ได้เงินคืนได้เหมือนกัน ดังนั้น เมื่อเห็นดอกเบี้ยสูงๆ ต้องมีอันดับเครดิตเรตติ้งที่ดีด้วยถึงจะน่าสนใจลงทุน ซึ่งอันดับเครดิตเรตติ้งจะเป็นตัวสะท้อนความมั่นคงแข็งแกร่งของบริษัทว่ามีมากน้อยขนาดไหน มีศักยภาพพอที่จะจ่ายเงินต้นคืนหรือเปล่า
การลงทุนในตราสารหนี้ ผู้ออกจะระบุเงื่อนไขการชำระดอกเบี้ยและการไถ่ถอนอย่างชัดเจน หากเราถือครองจนครบกำหนดอายุของตราสารหนี้ ก็จะไม่มีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา แต่ถ้าเราต้องการขายตราสารหนี้ก่อนครบกำหนดอายุ อัตราดอกเบี้ยในตลาดจะมีผลต่อราคาตราสารหนี้ขึ้นมาทันที
เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง ราคาตราสารหนี้จะเพิ่มขึ้น และเมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ราคาตราสารหนี้จะลดลง ความสัมพันธ์ของราคาตราสารหนี้กับอัตราดอกเบี้ยจะสวนทางกัน ดังนั้น เมื่อดูราคาตราสารหนี้ในตลาดรองจะพบราคาที่แตกต่างกัน สูงกว่าราคาหน้าตั๋วบ้าง ต่ำกว่าบ้าง ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยในท้องตลาด เราจึงต้องนำราคาและผลตอบแทนมาเปรียบเทียบถึงความคุ้มค่าด้วย
การลงทุนในตราสารหนี้นั้นไม่ยาก เพียงแต่เราต้องศึกษาถึงความเสี่ยง และความแข็งแกร่งของผู้ที่ออกตราสารหนี้ ว่าแข็งแกร่งเพียงพอจะจ่ายดอกเบี้ยคืนเงินต้นได้หรือเปล่า มีอันดับเครดิตเรทติ้งที่น่าเชื่อถือหรือไม่ เพียงเท่านี้... เราก็ลงทุนในตราสารหนี้ได้อย่างสบายใจแล้ว