เลือกโบรกเกอร์อย่างไรให้ใช่สำหรับคุณ

จะเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ไหนดี? คำถามยอดฮิตที่บรรดามือใหม่ทั้งหลายชอบถามก่อนเริ่มลงทุน การเลือกโบรกเกอร์ถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้การเลือกหุ้นดีๆ สักตัว เพราะโบรกเกอร์ไม่ได้เป็นแค่คนกลางในการซื้อขายหลักทรัพย์ให้กับนักลงทุนเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ดูแลเรื่องเงินๆ ทองๆ ของนักลงทุนด้วย จึงเป็นหน้าที่ของนักลงทุนในการเลือกโบรกเกอร์ที่ไว้ใจได้ให้มาดูแลเงิน 

นอกจากนี้ โบรกเกอร์ยังต้องมีบริการต่างๆ ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์การลงทุนของนักลงทุนอีกด้วย เพราะถึงแม้จะมีโบรกเกอร์ดีๆ ที่เปิดให้บริการอยู่มากมาย แต่ก็ไม่ใช่ทุกแห่งที่จะเหมาะกับไลฟ์สไตล์การลงทุนของคุณ

เคล็ดลับง่ายๆ ในการเลือกโบรกเกอร์คู่ใจ

img-newinvest-32
1
โบรกเกอร์ที่ดีต้องถูกกฎหมาย
img-newinvest-32
ไม่ใช่โบรกเกอร์เถื่อน โบรกเกอร์ที่ดีต้องถูกกฎหมายทั้งโครงสร้างของบริษัท ตั้งแต่ผู้บริหาร นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ไปจนถึงผู้ติดต่อกับนักลงทุน (Investment Consultant : IC) หรือที่สมัยก่อนเรียกว่า “มาร์เก็ตติ้ง” หรือ “เจ้าหน้าที่การตลาด” ที่จะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. ให้สามารถประกอบอาชีพได้ ลักษณะคล้ายๆ กับอาชีพหมอหรือวิศวกร ที่ต้องมีใบอนุญาตในการทำงาน
img-newinvest-33
2
ระบบการบริหารมีมาตรฐาน
img-newinvest-33
ระบบการบริหารมีมาตรฐาน ดูว่าระบบการบริหารเป็นอย่างไร คณะผู้บริหารมีประสบการณ์และความรู้ในเรื่องธุรกิจหลักทรัพย์เป็นอย่างไร เจ้าหน้าที่ที่ติดต่อด้วยมีความรู้ความชำนาญ ตอบข้อสงสัยได้ดีแค่ไหน มีเครื่องมือพร้อมที่จะให้บริการทั้งในส่วนของการติดต่อซื้อขายผ่านผู้ติดต่อกับนักลงทุนและซื้อขายผ่านออนไลน์ ระบบการปฏิบัติงานต้องได้มาตรฐาน มีประสิทธิภาพ ไม่มีประวัติการบริหารงานและการปฏิบัติงานที่เข้าข่ายขัดต่อกฎหมายโดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ
img-newinvest-34
3
มีฐานะการเงินมั่นคง
img-newinvest-34
มีฐานะการเงินมั่นคง พูดง่ายๆ คือ มีผลการดำเนินงานดี ที่สำคัญ... ต้องมีสินทรัพย์สภาพคล่องที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็ว และมีจำนวนเงินที่เพียงพอต่อการชำระคืนให้แก่ลูกค้าและเจ้าหนี้ของโบรกเกอร์ หากโบรกเกอร์เกิดปัญหาทางการเงินขึ้น โดยดูได้จากตัวเลข เงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (Net Capital Rule : NCR) ในรายงานประจำปีของแต่ละโบรกเกอร์ ซึ่งต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดไว้ 
img-newinvest-35
4
บทวิเคราะห์เชื่อถือได้
img-newinvest-35
บทวิเคราะห์ถือเป็นเครื่องทุ่นแรงสำคัญที่นักวิเคราะห์ออกมาเพื่อให้นักลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน แต่ทันทีที่เห็นบทวิเคราะห์ นักลงทุนหลายๆ ท่านก็จะพุ่งความสนใจไปที่ “เป้าหมายราคา” ทันที โดยไม่ศึกษาข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม และหลายๆ ครั้งที่นักลงทุนซื้อหุ้นตามบทวิเคราะห์แล้ว ราคาหุ้นกลับไม่เป็นไปตามคาดการณ์ไว้ ก็จะปักใจทันทีว่าบทวิเคราะห์ของโบกเกอร์นั้นไม่น่าเชื่อถือ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว อาจมีประเด็นการลงทุน รวมไปถึงสมมติฐานที่ใช้ในการทำประมาณการทางการเงินแตกต่างกัน 
ทางที่ดี... นักลงทุนควรอ่านบทวิเคราะห์ของแต่ละโบรกเกอร์อย่างละเอียด และพิจารณาว่าบทวิเคราะห์ของค่ายไหนมีประเด็นการลงทุนอะไร มีสมมติฐานที่ใช้ในการทำประมาณการทางการเงินต่างๆ อย่างไร พยายามแกะรอยว่าเขานำประเด็นเหล่านี้ไปเชื่อมโยงเข้ากับตัวเลขในการคาดการณ์ต่างๆ ออกมาได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนวิเคราะห์ได้เบื้องต้นว่าบทวิเคราะห์ของค่ายไหน น่าเชื่อถือและสมเหตุสมผลมากกว่ากัน 
อย่าลืม... พิจารณาเรื่องความรวดเร็วของข้อมูลข่าวสารและระบบการจัดส่งด้วย ถึงแม้บทวิเคราะห์หรือข้อมูลข่าวสารจะดี แต่มีระบบการจัดส่งที่ล่าช้า ก็อาจทำนักลงทุนพลาดโอกาสการลงทุนที่ดีที่สุดไป
img-newinvest-36
5
ค่าธรรมเนียมเหมาะสม
img-newinvest-36
ค่าธรรมเนียมเหมาะสม มาถึงตรงนี้... แม้โบรกเกอร์ที่นักลงทุนเล็งๆ อยู่ จะผ่านบททดสอบเกือบครึ่งทางแล้ว ก็อย่าพึ่งด่วนตัดสินใจว่าเป็นโบรกเกอร์ที่ดี นักลงทุนยังต้องพิจารณาถึงค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่โบรกเกอร์เรียกเก็บด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ เป็นเปอร์เซ็นต์จากมูลค่าการซื้อขายในแต่ละครั้ง แต่บางโบรกเกอร์อาจกำหนดเป็นค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ เช่น 50 บาท หรือ 200 บาท ขณะที่บางโบรกเกอร์อาจไม่มีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำเลย 

ดังนั้น นักลงทุนควรพิจารณาค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่โบรกเกอร์เรียกเก็บด้วยว่า... บริการต่างๆ ที่ได้รับเหมาะสมและคุ้มค่ากับเงินที่เราจ่ายไปหรือไม่ 
img-newinvest-37
6
เหมาะกับไลฟ์สไตล์
img-newinvest-37
เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ต้องดูว่าโบรกเกอร์นั้นเหมาะสมกับสไตล์ของเราหรือไม่ เช่น ถ้าเราถนัดซื้อขายหุ้นออนไลน์ ต้องดูว่าโบรกเกอร์นั้นมีความเชี่ยวชาญการบริการออนไลน์หรือไม่ มีการลงทุนในระบบเทคโนโลยีต่างๆ มากน้อยแค่ไหน เช่นเดียวกัน หากชื่นชอบไปนั่งซื้อขายที่ห้องค้า ต้องดูเรื่องทำเลที่ตั้งของโบรกเกอร์ว่าสะดวกในการเดินทางมากน้อยแค่ไหน และห้องค้ามีบริการเพื่อซื้อขาย เครื่องไม้เครื่องมือสะดวกครบครันแค่ไหน ความสะดวกรวดเร็วในการส่งคำสั่งซื้อขายมากน้อยเพียงใด รวมไปถึงบริการอื่นๆ เช่น ชา กาแฟ หนังสือพิมพ์ อินเทอร์เน็ต Wifi ฟรีด้วย
img-newinvest-38
7
บริการหลังการขายมีมาตรฐาน
img-newinvest-38
เท่านั้นยังไม่พอ การบริการหลังการซื้อขายก็มีความสำคัญและเป็นส่วนหนึ่งในการประกอบการติดสินใจอีกด้วย โดยเทคนิคง่ายๆ คือ การติดต่อสอบถามไปยังโบรกเกอร์ดูว่าการรับจ่ายเงินจากการซื้อขายว่าเป็นอย่างไร เช่น ใช้บริการแบงก์ไหนบ้าง เพราะการรับจ่ายเงินทำผ่านระบบตัดเงินอัตโนมัติ เรียกว่า ATS ซึ่งนักลงทุนต้องมีบัญชีกับแบงก์ รวมถึงระบบการโอนหุ้น ระบบการติดตามและดูแลผลประโยชน์ที่เราฝากไว้กับโบรกเกอร์ ก็ควรพิจารณาให้ดีว่ามีบริการรับส่งเอกสารหรือไม่

หากโบรกเกอร์ไหนสอบผ่านตามเงื่อนไขที่กล่าวมาแล้วทุกข้อ ก็มั่นใจได้ว่าเป็นโบรกเกอร์ที่ดี มีความน่าเชื่อถือ นักลงทุนมือใหม่สามารถเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นได้อย่างสบายใจ กลายเป็นโบรกเกอร์คู่ใจที่ดูแลกันไปจนแก่จนเฒ่า