สูตรเร่งรัด เอาตัวรอดช่วงตลาดหุ้นผันผวน

โดย ฐิติเมธ โภคชัย ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
2 Min Read
31 พฤษภาคม 2565
2.216k views
Inv_สูตรเร่งรัดเอาตัวรอดช่วงตลาดหุ้นผันผวน_Thumbnail
Highlights

ท่ามกลางสถานการณ์และปัจจัยลบรุมเร้าตลาดหุ้น หน้าที่ของนักลงทุน คือ ต้องทำการบ้านและประเมินว่าหุ้นประเภทไหนที่สามารถก้าวข้ามผ่านพายุที่โหมกระหน่ำและเติบโตต่อไปได้ นั่นคือ หุ้นที่มีความปลอดภัย ราคาถูกกว่ามูลค่าที่แท้จริง และมีคุณภาพทั้งการดำเนินธุรกิจและการจ่ายเงินปันผล ซึ่งหุ้นประเภทนี้มีหลายร้อยตัว ขอเพียงค้นหาให้เจอ

นับตั้งแต่อัตราเงินเฟ้อปรับขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขณะเดียวกันก็เริ่มลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) เช่นเดียวกับธนาคารกลางสหภาพยุโรป เริ่มส่งสัญญาณนโยบายการเงินเลิกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ประกอบกับสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนยังคงยืดเยื้อ และไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ

 

จากปัจจัยลบดังกล่าว กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก นักลงทุนจึงใช้กลยุทธ์ Wait & See ลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้น ด้วยการถือเงินสดหรือโยกเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ คำถามตามมา คือ จะลงทุนอย่างไรในช่วงตลาดหุ้นผันผวน โดยเฉพาะนักลงทุนกลุ่มที่ซื้อหุ้นและมั่นใจว่าราคาจะขยับขึ้น แต่ผลลัพธ์กลับไปในทิศทางตรงกันข้าม คือ ราคาปรับลดลงอย่างรวดเร็ว และยังคงถือหุ้นต่อเพราะหวังว่าราคาหุ้นจะปรับขึ้นในวันถัด ๆ ไป พูดง่าย ๆ คือ ไม่กล้าลงจากดอย เพราะลงเมื่อไหร่พอร์ตลงทุนจะเสียหายมาก หรือถ้าซื้อถัวเฉลี่ยก็คงต้องใช้เงินลงทุนจำนวนไม่น้อย

 

เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ไม่มีการวางกลยุทธ์ Cut Loss (การขายหุ้นออกไปด้วยการตัดขาดทุน เพื่อให้ขาดทุนน้อยที่สุด ก่อนที่จะขาดทุนมากไปกว่าปัจจุบัน) ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้ได้ดีกรณีตลาดหุ้นผันผวนหรือปรับลดลงเป็นเวลาหลายเดือนติดต่อกัน

 

สำหรับนักลงทุนที่กำลังตัดสินใจและมองว่าช่วงตลาดหุ้นผันผวนหรือเป็นขาลง คือ จังหวะที่ดีในการเลือกซื้อหุ้นดีแต่ราคาถูก คำถามที่ตามมา คือ ท่ามกลางพายุที่กำลังพัดกระหน่ำจะมองหาหุ้นเป้าหมายได้อย่างไร และจะมั่นใจได้อย่างไรว่าหุ้นตัวนั้นจะไม่ทำให้ขาดทุน นี่คือสูตรเร่งรัดคัดกรองหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงในช่วงตลาดผันผวน   

 

Safe 

การคัดเลือกหุ้นที่มีความปลอดภัยหรือมีความผันผวนต่ำกว่าตลาดจะช่วยลดความเสี่ยงลงได้ โดยวิธีที่นิยมใช้เพื่อวัดความเสี่ยง คือ ค่าเบต้า (Beta) ด้วยการเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นกับการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้น หรือเรียกในเชิงสถิติว่า ความสัมพันธ์ระหว่างราคาหุ้นกับดัชนีหุ้น

 

ถ้าตลาดหุ้นอยู่ในช่วงผันผวน ไร้ทิศทางชัดเจน ควรเลือกลงทุนในหุ้นที่มีค่าเบต้าต่ำกว่า 1 (Low Beta) เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน โดยหุ้น Low Beta มักจะให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด เพราะผลตอบแทนจากเงินปันผลจะสามารถเป็นกันชนที่จะช่วยลดความผันผวนด้านราคาได้ เนื่องจากลักษณะของหุ้นปันผลจะเป็น Low Beta มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ มีฐานะทางการเงินที่ดี และปัจจัยพื้นฐานแข็งแรง 

 

ค่าเบต้าน้อยกว่า 1 หมายถึง ราคาหุ้นจะเปลี่ยนแปลงหรือผันผวนน้อยกว่าตลาด ซึ่งมักจะเป็นหุ้นปลอดภัยหรือหุ้นตั้งรับ (Defensive Stock) เช่น หุ้น XYZ มีค่าเบต้าที่ 0.5 เท่า หากดัชนีหุ้นปรับขึ้น 10% ราคาหุ้นตัวนี้จะขึ้น 5% ในทางกลับกัน หากดัชนีหุ้นปรับลดลง 10% ราคาหุ้นจะลดลง 5%

 

Cheap

ใคร ๆ ก็อยากได้ของดีราคาถูก และวิธีที่นิยมใช้ คือ อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (P/BV Ratio) เป็นอัตราส่วนที่นิยมใช้ในการประเมินมูลค่าหุ้น จะบอกให้รู้ว่าราคาหุ้น ณ ขณะนั้น สูงเป็นกี่เท่าของมูลค่าทางบัญชีของหุ้นดังกล่าว โดยค่านี้ไม่ควรเกิน 1 เท่า ดังนั้น ยิ่งซื้อหุ้นได้ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีมากเท่าไหร่ ยิ่งดี

 

Quality

เทคนิคการดูกิจการที่ดีต้องดูความสม่ำเสมอของผลกำไร รวมถึงดูอัตราการเติบโตและอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูง (Dividend Payout Ratio) ซึ่งจะวัดได้ว่าบริษัทดังกล่าวเป็นหุ้นปันผลหรือไม่ โดยปกติอัตราส่วนนี้จะคำนวณจากเงินปันผลเปรียบเทียบกับอัตรากำไรต่อหุ้น หลายบริษัทที่เป็นหุ้นปันผลจะมีอัตราส่วนนี้สูงถึง 70 – 80% และบางบริษัทสูงถึง 90% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่มักจะอยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโตช้าหรือใกล้อิ่มตัวจึงไม่ต้องการใช้เงินลงทุนมากนัก เมื่อทำธุรกิจได้กำไรจึงมีแนวโน้มที่จะจ่ายเงินปันผลสูง แต่หากเป็นหุ้นที่มีอัตราเงินปันผลสูงด้วย และแนวโน้มอุตสาหกรรมยังเติบโตได้ดีถือว่าเป็นหุ้นคุณภาพที่น่าลงทุน

 

หากนักลงทุนเข้าใจสัจธรรมของตลาดหุ้นว่า “มีขึ้น ย่อมมีลง” และช่วงตลาดผันผวนอาจสามารถทำกำไรได้ยากขึ้น พูดง่าย ๆ คือ มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม หากเลือกหุ้นได้ถูกตัวเหมาะกับสถานการณ์ ขณะเดียวกันมีวินัยเคร่งครัด ผลลัพธ์ที่ตาม คือ ความสำเร็จจากการลงทุน

 

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน


สำหรับใครที่สนใจอยากคัดกรอง “หุ้นปันผล” ด้วยตนเอง สามารถสมัครใช้บริการ SETSMART ได้ที่เว็บไซต์ www.setsmart.com เพียง 250 บาทต่อเดือน เมื่อเทียบกับข้อมูลที่จะได้รับ เช่น ภาวะการซื้อขาย เทรนด์นักลงทุนต่างชาติ หรือข้อมูลหุ้น อนุพันธ์ และกองทุนรวม ครบจบในเว็บเดียว ก็ถือว่าคุ้มค่ามากเลย!!!

 

หรือนักลงทุนมือใหม่และผู้ที่สนใจ เรียนรู้เทคนิคการคัดกรองหุ้นดี น่าลงทุน ด้วยการใช้งานเครื่องมือ Settrade Stock Screening เพื่อให้ได้หุ้นดี โดนใจ โดยไม่ต้องใช้เวลาค้นหานาน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติม ผ่าน e-Learning หลักสูตร Stock Screening” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง: